เรื่องสิวสิว! มีกี่ประเภทและรักษายังไงบ้าง?

“สิว” สามารถเกิดขึ้นได้กับผิวทุกประเภท เคยสงสัยกันไหมคะ สารพัดสิวขนาดเล็ก ใหญ่ ที่ขึ้นบนใบหน้า หน้าอก และแผ่นหลัง เป็นสิวประเภทไหน? มีสาเหตุเกิดจากอะไร? วันนี้หมอจะมาไขข้อสงสัยให้ทุกคนนำไปเช็กสิวที่ตัวเองเป็น พร้อมแนะนำวิธีการรักษาสิวเบื้องต้นให้ มาดูกันเลยค่ะ 

ประเภทของสิว

1. สิวอุดตัน (Comedones)

แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1.1 สิวหัวดำ (Blackheads) หรือสิวอุดตันหัวเปิด มีลักษณะเป็นตุ่มสีดำเล็กๆ พบได้ทุกที่ทั้งใบหน้า หน้าอก และหลัง เกิดจากการอุดตันของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แบคทีเรีย และน้ำมันในรูขุมขน ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ จึงทำให้หัวสิวกลายเป็นสีดำค่ะ

1.2 สิวหัวขาว (Whiteheads) หรือสิวอุดตันหัวปิด มีลักษณะเป็นตุ่มสีขาวใต้ผิวหนัง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เครื่องสำอางตกค้างในรูขุมขน และการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบ

วิธีการรักษาสิวอุดตัน

  • ไม่ควรแคะ แกะ เกา หรือบีบออกเอง เพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อช้ำ และติดเชื้อแบคทีเรียได้ 
  • หมอแนะนำให้ทายาที่มีส่วนผสมของเบนซิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide), กรดซาลิไซลิค (Salicylic Acid), กรดอะซีลาอิค (Azelaic Acid), กรดไกลโคลิค (Glycolic Acid) หรือยากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ โดยทาบางๆ ให้ทั่วบริเวณที่เป็นสิว เพื่อช่วยลดการอุดตัน พร้อมเปิดรูขุมขนให้สิวอุดตันหลุดออกง่ายขึ้น

2. สิวอักเสบ (Inflammatory Acne)

สาเหตุเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวมาต่อสู้กับแบคทีเรีย Cutibacterium Acnes ทำให้เกิดการอักเสบ และบวมแดงขึ้นมา ซึ่งสิวอักเสบสามารถแบ่งได้ 4 ประเภท ดังนี้

2.1 สิวตุ่มแดง (Papules) มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดเล็ก มีอาการเจ็บเมื่อสัมผัส

2.2 สิวตุ่มหนอง (Pustules) มีลักษณะคล้ายกับสิวตุ่มแดง แต่จะมีหัวหนองอยู่บริเวณกลางตุ่ม

2.3 สิวหัวช้าง (Nodules) มีลักษณะเป็นสิวอักเสบสีแดง แข็ง มีขนาดตั้งแต่ 5 มิลลิเมตร ขึ้นไป 

2.4 สิวซีตส์ (Cysts) เป็นสิวอักเสบประเภทที่รุนแรง และเป็นอันตรายมากที่สุดเลยค่ะ ซีสต์จะเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนัง เต็มไปด้วยหนองปนเลือด และอาจมีขนาดใหญ่หลายเซนติเมตร จะมีอาการบวมแดง และเจ็บปวดมาก

วิธีการรักษาสิวอักเสบ

  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบ 
  • กรณีที่หัวสิวเป็นหนอง และหัวสิวเปิดแล้ว สามารถใช้แผ่นดูดสิวซับหนองออกได้ 
  • ไม่ควรบีบ หรือกดสิวออก เพราะจะทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นได้ง่ายขึ้น ทั้งยังมีโอกาสทำให้เกิดรอยแดง รอยดำ รอยแผลเป็นจากสิว หรือหลุมสิว ที่เป็นแล้วต้องใช้เวลาในการรักษา และอาจมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูง เพราะต้องพึ่งการรักษาหลากหลายวิธี ดังนั้น การป้องกันไว้ก่อนน่าจะดีกว่าการมาแก้ปัญหาในภายหลังนะคะ 
  • หมอแนะนำให้ทายาเบนซิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) จะช่วยลดการอุดตัน ลดการอักเสบ และทายาปฏิชีวนะ เช่น คลินดามัยซิน (Clindamycin), อิริโทรมัยซิน (Erythromycin) รักษาการติดเชื้อ พร้อมช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียด้วยค่ะ

อย่างไรก็ตาม หากรักษาเบื้องต้นด้วยตนเองแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังที่เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์การรักษา เพื่อให้แพทย์ทำการตรวจรักษา และพิจารณาวิธีการรักษาตามความเหมาะสม เช่น ยาทารักษา ยาปรับฮอร์โมน ยาปฏิชีวนะ การฉีดสิว การฉายแสง LED ฆ่าเชื้อสิว การทำทรีตเมนต์ลดความมันบนใบหน้า การทำเลเซอร์เปิดหัวสิวอุดตัน หรือการทำเลเซอร์ลดรอยแดง รอยดำ และกระตุ้นคอลลาเจนทำให้รอยหลุมสิวค่อยๆ ตื้นขึ้นค่ะ 

สำหรับใครที่มีปัญหาผิวสิวกวนใจ สามารถส่งภาพมาปรึกษาหมอได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายที่ LINE : @honestclinic (มี @ ข้างหน้าด้วยนะคะ) เพราะที่ Honest Clinic หมอดูแลเองทุกเคส ทุกครั้ง เน้นการรักษาตามปัญหาสิวของแต่ละบุคคล ด้วยผลิตภัณฑ์ยาแท้ (ไม่เลี้ยงไข้) พร้อมให้บริการแบบจริงใจ และไม่บังคับขายคอร์ส เพราะเราอยากดูแลให้คุณสวยอย่างปลอดภัย และสบายใจทุกครั้งที่มาค่ะ