LED Therapy

LED Therapy เป็นการฉายแสง LED เพื่อกระตุ้นกลไกการฟื้นฟูของเซลล์ผิว ช่วยรักษาสิว รอยดำ รอยแดง โดยไม่มีบาดแผล ไม่ใช้เข็ม และไม่ต้องพักฟื้น ใช้เพียงแสงหลายสีในการรักษา ดังนี้ 

แสงสีฟ้า (Blue light, ความยาวคลื่น 470 nm)

มีคุณสมบัติในการรักษาสิวอักเสบ สิวติดสารสเตียรอยด์ สิวแพ้ต่างๆ และช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.Acne สาเหตุของการเกิดสิว รวมไปถึงช่วยลดความมันบนใบหน้า ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอุดตันอีกด้วย

แสงสีเขียว (Green light, ความยาวคลื่น 527 nm)

มีคุณสมบัติในการรักษารอยดำ ลดการสร้างเม็ดสี ปรับสีผิวให้กระจ่างใสเช่นเดียวกับแสงสีเหลือง แต่จะนิยมใช้ลดรอยดำมากกว่า นอกจากนี้แสงสีเขียวยังจะช่วยรักษาอาการแพ้ต่างๆ ได้ด้วย

แสงสีเหลือง (Yellow light, ความยาวคลื่น 590 nm)

มีคุณสมบัติในการรักษารอยแดง ลดการสร้างเม็ดสี คืนความกระจ่างใสให้กับผิว รักษาเส้นเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนัง อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการกระตุ้นต่อมน้ำเหลือง และระบบการไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น

แสงสีแดง (Red light, ความยาวคลื่น 640 nm)

มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ บนใบหน้า กระชับกล้ามเนื้อ ปรับผิวให้เรียบเนียน รวมไปถึงลดการอักเสบของผิวอีกด้วย (นิยมฉายคู่กับแสงสีฟ้า เนื่องจากในบางเคสอาจจะต้องมีการกดสิว ซึ่งแสงสีแดงจะช่วยทำให้ผิวบริเวณนั้นแข็งแรงขึ้น และไม่ทิ้งรอยแผลเป็น)

LED Therapy เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีสิวอักเสบจำนวนมาก และไม่ต้องการใช้ยาแบบรับประทาน หรือ ผู้ที่สิวหายยากเนื่องจากมีการดื้อยา
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ผู้ที่มีปัญหารอยแดง รอยดำ
  • ผู้ที่มีปัญหาสิวกลับมาเป็นซ้ำ
  • ผู้ที่มีรอยแผลเป็นบางชนิด

นานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?

ส่วนใหญ่จะเห็นผลเมื่อรับการรักษาต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ครั้งขึ้นไป จะพบว่าสิวอักเสบ ค่อยๆ ยุบตัวลง ใบหน้ามีความมันน้อยลง ปริมาณสิวเริ่มลดลง รอยสิวดูจางลง

ทำกี่ครั้งถึงจะหาย?

ควรทำสัปดาห์ละครั้ง ต่อเนื่องกัน 4 – 8 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งความถี่ของการรักษาจะขึ้นอยู่กับแพทย์จะเป็นผู้พิจารณา โดยดูจากวัย สภาพผิว และปัญหาสิวอักเสบที่เป็นอยู่

ข้อควรปฏิบัติวันที่เข้ารับการรักษา

  • ควรงดการแต่งหน้าหากไม่จำเป็น

ข้อควรปฏิบัติหลังการรักษา

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดที่ร้อนจัด และทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป
  • ควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์